พระสงฆ์ควรเป็นผู้เสียสละ พิมพ์
เขียนโดย Administrator   
วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 04:37 น.
หลวงพ่อพุธ  ฐานิโย
 


          พระสงฆ์เป็นผู้เสียสละ ไม่ใช่รู้จักแต่กินกับเอา  มีคนกล่าวว่า พระสงฆ์ไทยนี่รู้จักแต่กินกับเอา แต่ไม่รู้จักคำว่า “ให้”


          พระสงฆ์ควรจะใช้ธรรมะเผยแพร่เทศนาสั่งสอนประชาชนให้เข้าใจธัมมะธัมโม  ไม่ใช่มาสร้างเครื่องรางของขลัง ซึ่งเป็นเรื่องไสยศาสตร์  เอามากลบเกลื่อนคำสอนของพระพุทธเจ้า  ในเมื่อพระองค์ใดเข้าใจอย่างนี้   แสดงว่าเข้าใจศาสนาถูกต้อง

 

          ครูบานี่  ถ้ายินดีเฉพาะปัจจัย ๔ ที่โยมมีศรัทธาถวาย  เร่งข้อวัตรปฏิบัติให้มันเคร่งขึ้นมา เข้าใจว่ามันคงจะไม่ลำบาก  ศรัทธาของประชาชนนี่  อย่าว่าแต่เอาอิฐเอาปูนมาสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร      เสาศาลานี่จะเอาทองมาตีหุ้มเหลืองอร่ามก็ยังได้  สมัยนี้ คนศรัทธาไม่ใช่ย่อยเลย

 

          สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ยั่งยืนไม่มีใครคิด เคยไปพูดในที่ประชุมมหาเถรสมาคมคณะธรรมยุต บอกว่าคณะสงฆ์ควรจะมีทุนบำรุงการศึกษา การเผยแพร่ ซึ่งเป็นกองกลางของคณะสงฆ์  เขาก็เริ่มเหมือนกัน  แต่ได้เพียงล้านกว่าบาท  คณะสงฆ์ธรรมยุตภาคอีสานก็ตั้งเค้ากันเอาไว้ว่า ให้พระสังฆาธิการสละเงินค่านิตยภัตปีละ ๑ เดือน ปรากฏว่ามีเงินอยู่ล้านเศษ  เราให้ไปล้านหนึ่ง  มีอยู่ ๒ ล้านเศษเท่านั้น


          ครูบารวยๆ นี่ ทำไมไม่คิดอย่างนี้บ้างน้อ!  ศาสนาพุทธเข้ามาสู่เมืองไทยระหว่าง พ.ศ. ๓๐๓  หลังจากพุทธปรินิพพานแล้ว ๓๐๓ ปี  เวลานี้ศาสนาพุทธก็มาอยู่ในเมืองไทย ๒,๒๔๑ ปี คณะสงฆ์แห่ง  ประเทศไทยควรจะมีทุนบำรุงพระพุทธศาสนา ๒,๒๔๑ ล้าน  แต่นี่ไม่มีสักสตางค์  ใครรวยก็ไปเที่ยวประจบเอาหน้าเอาตากับเจ้านาย      จะคิดว่าเราจะตั้งทุนเอาไว้ให้คณะสงฆ์จัดการศึกษาปริยัติธรรมหรือบำรุงพระศาสนานี่   ไม่เคยมีใครคิด


          หลวงพ่อมาอาศัยเมืองโคราชนี่ไม่เสียชื่อนะ  ขนาดขี้ทุกข์  ขี้ยากนี่ ยังอุตส่าห์ช่วยคณะสงฆ์ไปแล้ว ๕ ล้าน  แล้วเอาไปทำอย่างอื่น  ไปก่อเจดีย์สูงจรดท้องฟ้า  ไปสร้างแต่วัตถุ  ถ้าหากว่าคณะสงฆ์มีทุน ๒,๒๔๑ ล้านนี่ ฝากธนาคารเอาไว้กินดอก เอาดอกมาบำรุง  แค่นั้นก็พอแล้ว

          วัดป่าสาลวันเรานี่ ถ้าพระเณรช่วยกันคิดช่วยกันสร้าง โอ๊ย! ป่านนี้มันเป็นมหาเศรษฐีแล้วเด๊ ขนาดตาแก่ดันทุรังอยู่คนเดียวนี่       มันก็ยังมีน้ำมีเนื้อขึ้นมาบ้าง


 

แก้ไขล่าสุด ( วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 04:51 น. )