ไสยศาสตร์หรือจะสู้พุทธศาสตร์ |
|
|
|
เขียนโดย Administrator
|
วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2014 เวลา 02:51 น. |
สมัยที่หลวงพ่ออยู่ที่อุบลฯ พระในวัดองค์หนึ่งคอยเพ่งโทษหลวงพ่อ ต่อมาเกิดเจ็บป่วย มีคนทักว่าให้รีบหาหมอมารักษาพยาบาลตัวเอง ถ้าไม่หนีออกจากวัดนั้น ตายนะจะบอกให้ อยู่ๆ เขาก็เตรียมตัวจะเดินทางหนีไป หลวงพ่อก็ว่า จะไปทำไม ยังเจ็บยังป่วยอยู่ รักษาให้มันหายก่อน จะไปไหนค่อยไป เขาก็ไม่ฟัง เขาก็ไป พอไปแล้ว พระไปทำความสะอาดกุฏิ ไปเห็นพานดอกไม้ มีหุ่นขี้ผึ้งมีชื่อหลวงพ่อคาดติดเอาไว้ มีเข็มแหลมๆ เสียบตรงหัวใจ อันนี้เรื่องไสยศาสตร์ หลวงพ่อไม่ได้เรียน แต่เคยอ่านคัมภีร์ ก็พอจะรู้ว่าเขาทำเพื่อประสงค์อะไร ความมุ่งหมายเขาจะทำให้ตาย แต่เขาจะตายเสียเอง เราจึงมาได้สติ มาพิจารณาทบทวนเรื่องอานิสงส์ของการเจริญเมตตาพรหมวิหาร พระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้เองว่า ผู้ที่เจริญเมตตาพรหมวิหารให้ถึงจิตถึงใจจริงๆ เรียกว่าใจมีจิตเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จริงๆ มนุสสานัง ปิโย โหติ เป็นที่รักของมนุษย์ เทวตา รักขันติ เทวดาย่อมรักษา ศัสตราอาวุธและยาพิษไม่ถูกต้องบุคคลผู้เจริญเมตตา ผู้เจริญเมตตาบำเพ็ญสมาธิภาวนา จิตสงบได้เร็ว เกิดสติปัญญารู้แจ้งแทงตลอดในธรรมะตามความเป็นจริง ถ้ายังไม่สำเร็จมรรคผลนิพพาน ตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมในพรหมโลก นี่! พระองค์เทศน์ไว้เอง มนต์วิชาอาคมเครื่องรางของขลังทั้งหลาย พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้แล้ว แต่ว่าเราไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ไปเชื่อศาสดาในศาสนาพราหมณ์ การปฏิบัติธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนนี่ มันมีผลละเอียดอ่อน มันไม่วูบวาบเหมือนอย่างอื่น อย่างอย่างอื่นนี่ เอาใบพลูมา ๗ ใบ เอามาเสก อุรุยังๆๆๆ เคี้ยวกินก๊วบๆ ลงไป ฟันแทงไม่เข้า ทีนี้พอคนมาเห็นเข้า ก็ว่า อุ๊ย! พระองค์นี้สำเร็จฌาน สำเร็จญาณ วิเศษวิโส แต่แท้ที่จริงเอาวิชาไสยศาสตร์มาหลอกลวงมนุษย์ นี่! มันเป็นกันอย่างนี้
|
แก้ไขล่าสุด ( วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2014 เวลา 02:59 น. )
|