A Free Template from Joomlashack

A Free Template from Joomlashack

แบบสำรวจ

ท่านกำลังใช้ระบบปฏิบัติการ (OS) อะไรอยู่ ?
 

Search

ผู้เข้าเว็บขณะนี้

เรามี 46 บุคคลทั่วไป ออนไลน์

JComments Latest

  • garilla казино https://t.me/garillacasinobonus
  • https://rukamagra.ru
  • https://generic-dapoxetine.ru
  • Порно сайт: http://www.fazendamontebello.com.br/cu...
  • https://poxetmsk.ru/vliyanie-antibiotikov-na-poten...
หลวงพ่อชากับหลวงปู่มั่น PDF พิมพ์ อีเมล
เขียนโดย Administrator   
วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 04:40 น.
หลวงพ่อพุธ  ฐานิโย
 


          หลวงพ่อไปหยิบกัณฑ์เทศน์ของหลวงพ่อชา มีคนส่งมาให้   ๒๐ ม้วน  บังเอิญไปหยิบถูกม้วนที่ ๑๙ เอามาเปิดฟัง  ฟังไปแล้วมันซึ้ง...ซึ้ง มันซึ้งอยู่ตรงนี้

  


          เมื่อก่อนเราบวชเป็นพระมหานิกาย เรารังเกียจธรรมยุต พอได้ยินคำว่าธรรมยุตนี่เหม็นเบื่อ แล้วเราก็สนใจในการปฏิบัติ เราก็แสวงหาอาจารย์ของเราในฝ่ายมหานิกาย ไปเรียนไปปฏิบัติกับท่าน ข้อวัตรปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ท่านก็เก่งเหมือนกัน  ไม่น้อยหน้าพระปฏิบัติทางฝ่ายธรรมยุต  บางท่านไม่ฉันเนื้อ ไม่ฉันปลา ฉันแต่เจ ท่านก็เคร่งถึงขนาดนั้น  แต่มามองดูวินัย บางข้อบางอย่างท่านหละหลวม เช่นอย่างการรับเงินรับทอง ใช้เงินใช้ทองด้วยตัวเอง รับประเคนของค้างคืนเอาไว้ เก็บอาหารค้างคืนเอาไว้ ตื่นเช้าเอามาฉัน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ท่านไม่ถือ

  


          กาลิก หมายถึง สิ่งที่มีกำหนดกาลเวลาจำกัด  เช่นอย่างอาหารนี่  เรารับประเคนฉันได้แต่เช้าชั่วเที่ยง น้ำตาลเป็นสัตตาหกาลิก รับประเคนแล้วเก็บไว้ฉันได้ภายใน ๗ วัน  แต่จะฉันได้เฉพาะเป็นยาเท่านั้น

  


          มีพระอาจารย์องค์หนึ่งบอกว่า น้ำตาลที่ข้าเอาไว้ที่ตรงนั้น เอามาฉันกับข้าวหน่อย  พอไปได้ยินเข้า ก็มานึกว่า เอ้อ! น้ำตาลที่รับ ประเคนไว้แล้ว อนุญาตให้ฉันได้ภายใน ๗ วันเฉพาะแต่เป็นยาเท่านั้น แต่จะเอามาปนกับอาหารฉันนี่  มันก็กลายเป็นพวกอาหาร   ต้องอาบัติปาจิตตีย์  จึงได้ไปรู้ว่า อ้อ! ครูบาอาจารย์ฝ่ายเรานี่ก็ปฏิบัติดี  ปฏิบัติชอบ แต่ว่าหย่อนวินัยบางข้อ

  


          ภายหลังมาก็พยายามลดทิฏฐิมานะลง พยายามทำใจไม่ให้รังเกียจธรรมยุต  จึงเข้าไปหาพระอาจารย์มั่น ไปอาศัยอยู่กับท่าน  ดูข้อวัตรปฏิบัติของท่านก็เหมือนกับอาจารย์ของเราเหมือนกัน  ทีนี้ในเมื่อมองไปในทางพระวินัย ท่านละเอียด  คอยดูว่าพระอาจารย์มั่นจะทำผิดวินัยข้อไหน  เล็กๆ น้อยๆ  ไม่ปรากฏเลย  จึงได้มอบกายถวายตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน

  


          ทีนี้มีเพื่อนมหาองค์หนึ่งไม่ยอม ตอนแรกพวกเราก็มีสตางค์ใส่ย่ามไปเหมือนกัน พอตัดสินใจจะเข้าหาอาจารย์มั่น สตางค์ที่มีอยู่ก็เลยมอบให้มหาองค์นั้น  เราก็ไปแต่มือเปล่าๆ มีแต่บริขารประจำตัว  เวลาไปอยู่กับท่านอาจารย์มั่น ท่านจะให้อยู่ที่ไหน นั่งตรงไหน เราเป็นพระเถระให้ไปนั่งปลายแถว เราก็เอา

  


          คือตอนนั้นธรรมยุตกับมหานิกายดูเหมือนท่านจะเคร่ง  สิ่งของที่ผ่านมือมหานิกายแล้ว ธรรมยุตจะไม่รับไม่เอา  เพราะฉะนั้น อาจารย์ชาไปอยู่กับพระอาจารย์มั่น ต้องนั่งปลายแถว  เพราะว่าอาหารที่แจกกับข้าว จัดๆๆ แล้ว ยังเหลืออาจารย์ชานั่งอยู่ปลายแถว ต่อไปก็ไม่มีพระองค์ไหน

  


          ทีนี้ อยู่ไปอยู่มาก็มาสำรวมศึกษาสิกขาบทวินัยอะไรต่างๆ จากท่านอาจารย์มั่น ก็ได้ความรู้ความเข้าใจ  สิ่งใดที่เราเคยละเมิดล่วงเกิน  เราก็ชำระให้มันบริสุทธิ์สะอาด  ทีนี้การปฏิบัติเมื่อจิตสงบแล้วมีแต่ความเยือกเย็น เกิดปัญญารู้ธรรมเห็นธรรมตามความเป็นจริง  เมื่อก่อนนี้มันก็พอรู้พอเห็นได้ แต่ทิฏฐิมานะมันไม่ลดลง   พอไปอยู่กับหลวงปู่มั่นแล้ว ทิฏฐิมานะ ความถือตัวถือตนนี่  มันหายหมด จึงได้ยึดเอาท่านเป็นครูบาอาจารย์

          นี่! หลวงพ่อมาซึ้งคำพูดท่านที่ตรงนี้


 

เพิ่มคอมเมนต์ใหม่

รหัสป้องกันความปลอดภัย
รีเฟรช

 

Joomla 1.5 Templates by Joomlashack