พอเราเอามือไปแตะโลหะ อาการเหมือนไฟฟ้าช็อต นั่นแหละเราจึงจะรู้ว่าเรามีพลังจิต

          เพราะฉะนั้น การแสดงออกของจิตที่มีพลังงาน   มันแตกต่างกัน  ผู้ที่แสดงออกมาโดยตรง พอไปแตะร่างของใคร    คนนั้นสะดุ้งเหมือนไฟฟ้าช็อต  ไปแตะโลหะ มันจะรู้สึกว่ามันช็อตเหมือนกับเราถูกไฟฟ้าช็อต    อันนั้นก็เป็นการแสดงออกซึ่งพลังจิต

       แต่ของเรานี่มันเกิดขึ้นมาเอง อันนี้มันเป็นพลังอิสระซึ่งไม่มีใครถ่ายทอดให้เรา  พอจิตของเราถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะที่พึ่ง  จิตของเราสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีสติมั่นคง  เมื่อเข้าสมาธิทีไรจิตของเราสงบนิ่ง บางทีมันสว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน  บางทีมันรู้แจ่ม ๆ อยู่ในจิต  บางทีมันก็มีความคิดฟุ้งๆ   ขึ้นมาอย่างกับน้ำพุ ซึ่งแล้วแต่มันจะเป็นแล้วมันก็ค่อยสะสมพลังเอาไว้ทีละน้อยๆๆ ในขณะที่มันแสดงออกซึ่งพลังให้ปรากฏแก่เรา   เราไม่ได้ตั้งใจ   แต่พอเอามือไปแตะโลหะนี่ มันจะสปาร์กจะสะดุ้งเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต    บางคนถ้ามันเป็นไปรุนแรง   เอามือมาแตะโลหะนี่มันจะสปาร์กเป็นแสงออกมาเหมือนไฟฟ้าช็อต   ไม่เห็นเฉพาะแต่ตัวเขาเอง คนอื่นที่อยู่รอบๆ ข้างก็มองเห็นด้วย  มีคนหนึ่งอยู่ที่นครสวรรค์เขาโทรศัพท์มาเล่า

        ถ้าหากว่าเรารู้เคล็ดของการใช้พลังจิต เราสามารถที่จะเพ่งเหล็กให้มันงอก็ได้  เอาพลังจิตมาอธิษฐาน   เอากระดาษทิชชู่มาตัดตะเกียบให้มันหักก็ได้    แต่ว่าอย่าไปสนใจเรื่องเหล่านั้น  ให้มันเกิดมีพลังเข้มแข็งในการปฏิบัติ ในการทำงาน ในการดำรงชีวิตอยู่  ในฐานะที่เป็นฆราวาสให้มีความรับผิดชอบ มี ความหมั่นความขยัน ขยันหมั่นเพียรในการแสวงหาทรัพย์สมบัติ    รวมทั้งคุณธรรมในการประพฤติปฏิบัติอย่างไม่ท้อถอย    เอากันอย่างนี้ดีกว่า